อัพเดทล่าสุด!! เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ประกันรายได้ข้าวสูงสุด 15,000 บาท/ตัน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา มีรายงานจากผู้สื่อข่าวว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน (23 ส.ค.) เห็นชอบในมาตรการช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65




ล่าสุด คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบหลักการ ของโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ตามมติ นบข.

เงื่อนไขในจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา

โครงการดังกล่าว มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 54,972,72 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • จ่ายเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท
  • โดยจำกัดไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกิน 20,000 บาท



-โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1

วงเงินทั้งสิ้น 13,604 ล้านบาท
ดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านคน
โดยจะประกันรายได้ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 (รอบที่ 1) กับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 31 ต.ค. 2564 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิ.ย. 2564 – 28 ก.พ. 2565

เงื่อนไขจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยจะกำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้ คือ ราคาความชื้นต้องไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยจะชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้



  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกัน 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
  • ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกัน 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
  • ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกัน 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
  • ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกัน 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
  • ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกัน 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

ขั้นตอนการตรวจสอบ

เข้าไปที่ www.farmer.doae.go.th
กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก
แล้วกดค้นหา

สำหรับผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา ระบบจะขึ้นว่า “โอนเงินเรียบร้อยแล้ว” โดยจะแสดง ชื่อโครงการ, เลขที่บัญชี, วันที่โอน, สาขา ธ.ก.ส. และสถานะ

กสิกรไทยเปิด 3 บริการขอสินเชื่อบุคคลผ่าน K PLUS รู้ผล 15 นาที

ธนาคารกสิกรไทย เปิดสมัคร 3 บริการสินเชื่อบุคคลยอดฮิตผ่าน K PLUS ด้วยตัวเอง รู้ผลไวสุด 15 นาที เจาะกลุ่มลูกค้าเงินเดือน 7.5 พันบาทต่อเดือน ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน

ธนาคารกสิกรไทย เอาใจลูกค้า พัฒนาการสมัครบริการทางการเงินตอบโจทย์ชีวิตในยุดนี้ ไม่ต้องออกจากบ้านก็สมัครบริการธนาคารด้วยตนเองบน K PLUS ได้ กับ 3 บริการสินเชื่อบุคคลยอดฮิต ได้แก่ สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan บัตรเงินด่วน Xpress Cash และบัตรเครดิตกสิกรไทย

โดยช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ลดความเสี่ยงไม่ต้องออกจากบ้าน อยู่ที่ไหนก็สมัครได้ สมัครง่ายทุกขั้นตอนบน K PLUS รู้ผลอนุมัติเร็วสุด 15 นาที

​สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan เงินก้อนทันใจ สมัครผ่าน K PLUS อนุมัติเร็วสุด 15 นาที อนุมัติปั๊บรับเงินก้อนเข้าบัญชีไปใช้ได้ทันที สำหรับลูกค้าที่มีเงินเดือน 7,500 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน ดอกเบี้ยต่ำสุด 15% ตลอดอายุสัญญา ผ่อนน้อย กู้หมื่นดอกเบี้ยเริ่มต้นเดือนละ 550 บาท ไม่ต้องใช้เอกสาร เพียงมีบัญชีเงินเดือนหรือเดินบัญชีกับธนาคารกสิกรไทยติดต่อกันอย่างน้อย 7 เดือน



บัตรเงินด่วน Xpress Cash เงินไว มีเงินหมุนไว้ใช้ไม่ให้ชอร์ตระหว่างเดือน สมัครผ่าน K PLUS อนุมัติเร็วสุด 15 นาที รับเงินไวพร้อมใช้เข้าบัญชี สำหรับลูกค้าที่มีเงินเดือน 7,500 บาทขึ้นไป สามารถกดเงินสด รูดซื้อ รูดผ่อน ได้ครบจบในบัตรเดียว กดเงินสดฟรีดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 30 วัน นับจากวันที่ได้รับอนุมัติ รูดผ่อนสินค้าดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 36 เดือน ไม่ต้องใช้เอกสาร เพียงมีบัญชีเงินเดือนหรือเดินบัญชีกับธนาคารกสิกรไทยติดต่อกันอย่างน้อย 7 เดือน

บัตรเครดิตกสิกรไทย Life Never Miss ชีวิตนี้ไม่มีพลาด สมัครผ่าน K PLUS อนุมัติเร็วสุด 15 นาที อนุมัติปั๊บรอรับบัตรได้เลย สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์ KBank Smart Pay แบ่งจ่ายดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือนที่ร้านค้าชั้นนำ สิทธิประโยชน์มากมายตามประเภทของบัตร ทั้งกิน ช็อป เที่ยว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ไม่ต้องใช้เอกสาร เพียงมีบัญชีเงินเดือน หรือเดินบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย ติดต่อกันอย่างน้อย 7 เดือน

ลูกค้าที่จะสมัคร 3 บริการสินเชื่อดังกล่าว และเป็นผู้ที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนกับธนาคารกสิกรไทย จำเป็นต้องสมัครบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) บน K PLUS ก่อน และไปยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ที่ 1) ตู้ ATM ที่มีสติ๊กเกอร์ K CHECK ID 2) สาขาธนาคาร หรือ 3) ตัวแทนให้บริการ KBank Service จึงจะสามารถดำเนินการสมัครสินเชื่อบน K PLUS ได้